เทคนิคการจับกริพ
"กริพที่คุณจับ จะขึ้นอยู่กับว่า คุณจะตีลูกแบบไหน"
โดยพื้นฐานแล้ว จะแบ่งกริพเพื่อใช้ตีลูกในลักษณะต่างๆ
ดังต่อไปนี้
CONTINENTAL GRIP
คือ
กริพเดียวที่สามารถใช้ได้กับการตีทั้งหมด
แต่ก็ไม่ใช่กริพที่นิยมฝึกกันในหมู่ผู้เล่นรุ่นใหม่ๆ
เพราะหากเล่นแบบพลิกแพลงเทคนิคจะทำได้ไม่ดีเท่าใดนัก อย่างไรก็ตาม Continental grip ยังคงเป็นพื้นฐานของการใช้เสิร์ฟ, การวอลเล่ย์,
การ Smash หรือตีลูกเหนือศีรษะ, การตีลูกสไลด์
และการตีลูกเพื่อการป้องกัน
การจับ:
จับด้ามไม้โดยให้ตำแหน่งของฐานนิ้วชี้อยู่บนด้านเอียงที่ 1 (bevel 1) หรือ Bevel
4 สำหรับคนตีมือซ้าย
ข้อดี: ลูกที่ตีออกเป็นแบบ flat ที่พุ่งตรงและแรง
การช่วยในเกมส์รับได้ดี โดยเฉพาะจังหวะที่ต้องการความรวดเร็ว เป็นกรพมาตรฐานที่ใช้ในการเสิร์ฟและการวอลเล่ย์ของนักเทนนิส
ข้อเสีย:
เป็นเรื่องยากที่จะใช้ตีลูกแบบ topspin นั่นหมายถึง การตีลูกที่ตำ่กว่าระดับเน็ตจะทำได้ไม่ดีเท่าไรนัก
EASTERN FOREHAND GRIP
การจับ:
จับด้ามไม้โดยให้ตำแหน่งของฐานนิ้วชี้อยู่บนด้านขวาของด้าม(right side) หรือ
Left side สำหรับคนตีมือซ้าย วิธีง่ายๆ ที่ ใช้หา Eastern Forehand
Grip คือ
ให้ทาบฝ่ามือข้างที่ใช้ตีลงบนหน้าไม้เทนนิส(บนหน้าเอ็น) แล้วรูดฝ่ามือลงมาหาด้ามไม้ที่จับ จะพบว่าฐานของนิ้วชี้จะตรงกับตำแหน่งของ Eastern
forehand grip
ข้อดี:
อาจจะเรียกได้ว่าเป็นกริพที่ง่ายที่สุดสำหรับการตีลูกโฟแฮนด์ การตีลูกได้ทั้งแบบ topspin หรือแบบ flat การเปลี่ยนจาก Eastern
forehand grip ไปเป็นกริพอื่นๆ ทำได้สะดวกรวดเร็ว
ทำให้เป็นทางเลือกที่ฉลาดของผู้เล่นที่นิยมขึ้นตีหน้าเน็ต
ข้อเสีย: จุดตีจะกว้างออกไปมากกว่า
Continental grip การตีลูกสูงทำได้ไม่ดีเท่าไรนัก
และลูกที่ตีมีแนวโน้มทีจะเป็น flat มากกว่า ลูกจะติด topspin ได้ไม่เต็มที่
SEMI-WESTERN FOREHAND GRIP
การจับ: จาก Eastern forehand grip ให้หมุนข้อมือในทิศทางตามเข็มนาฬิกามาอีก
1 ช่อง(bevel) สำหรับคนตีซ้าย
ให้หมุนทวนเข็มนาฬิกา
ข้อดี: การตีลูกแบบ topspin ทำได้ดีกว่ากริพที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ลูกมีโอกาสโค้งผ่านหน้าเน็ตมากกว่า
ข้อเสีย:
มักประสบกับปัญหากับการตีลูกที่ต่ำและใกล้ตัว
WESTERN FOREHAND GRIP
คือ กริพสุดท้าย(สุดโต่ง)
ของการตีลูกโฟร์แฮนด์
นิยมใช้กันในหมู่ผู้เล่นบนคอร์ดดิน และเยาวชนรุ่นใหม่ๆ นักเทนนิสมืออาชีพที่ใช้ เช่น Rafael Nadal
การจับ: จาก Semi-Western forehand grip ให้หมุนข้อมือในทิศทางตามเข็มนาฬิกามาอีก 1 ช่อง(bevel) สำหรับคนตีซ้ายให้หมุนในทิศทางตรงกันข้าม
ข้อดี: แรงจากการตวัดข้อมือที่จับโดยกริพนี้ จะติด topspin ได้รุนแรงที่สุด
ลูกที่กระทบพื้นจะกระดอนออกต่อค่อนข้างแรง
มีโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามต้ิองถอยกลับไปตั้งรับหลังเส้นลึกขึ้น
ข้อเสีย:
ลูกบอลจากฝั่งตรงข้ามที่ตีมากระทบพื้นแล้วกระดอนต่ำและเร็ว(โดยเฉพาะบนฮาร์ดคอร์ต)
เป็นอุสรรคต่อผู้่เล่นที่จับกริพนี้เป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า
ผู้เล่นต้องใช้ความรวดเร็วในการสโตรค(stroke) บวกกับกำลังข้อมือมหาศาล
ในการตีบอลที่จุดกระทบและ topspin ให้ทัน
EASTERN BACKHAND GRIP
การจับ:
วางฐานของนิ้่วชี้ที่ส่วนบนสุดของกริพ(top)
ข้อดี:
เป็นกริพอเนกประสงค์ของการตีลูกแบคแฮนด์
ผู้เล่นบางคนใช้ตีลูกสไลด์ หรือไม่เช่นนั้นก็สามารถพลิกไปเป็น Continental grip ได้อย่างรวดเร็ว Eastern backhand grip ยังใช้เป็นกริพสำหรับการเสิร์ฟแบบ
Kick serves
ข้อเสีย:
การตีลูกที่พุ่งมาสูงกว่าระดับไหล่ทำได้ไม่ค่อยดีนัก
บ่อยครั้งที่ทำให้ผู้เล่นต้องตีลูกแบบสไลด์กลับไปโดยบังคับ รวมไปถึงจุดอ่อนของ Kick serves ที่ฝั่งตรงข้ามมักจะรีเทิร์นลูกกลับมาในช่วงจุดตีที่สูงกว่าระดับไหล่
EXTREME EASTERN OR SEMI-WESTERN BACKHAND GRIP
การจับ: ที่ bevel 4 สำหรับมือขวา
หรือ bevel 1 สำหรับมือซ้าย
ข้อดี: จุดที่ขยายออกไป
ทำให้การตีลูกที่สูงกว่าระดับไหล่ทำได้คล่องกว่ากริพแบคแฮนด์ที่ผ่านมา
รวมถึงการ topspin
ข้อเสีย: คล้ายกันกับการจับ Weatern forehand grip ตรงที่ตีลูกต่ำได้ไม่ค่อยดี
TWO-HAND BACKHAND GRIP
การจับ:
วิธีจับสำหรับการตีลูกแบคแฮนด์สองมือวิธีหนึ่ง คือ ใช้มือขวาจับไม้ที่ Continental grip ช่วงด้านบน และมือซ้ายจับไม้ที่ Semi-Western
forehand grip ช่วงด้านล่าง(สำหรับคนถนัดซ้ายให้จับตรงกันข้ามกัน)
ข้อดี:
เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ไม่แข็งแรงพอที่จะตีแบคแฮนด์มือเดียว สามารถตีลูกพุ่งต่ำได้ดี
รวมถึงการตีลูกระดับไหล่ที่ใช้ทั้งสองมือประคองช่วยกัน
ข้อเสีย:
ช่วงตีสั้นกว่าการตีแบคแฮนด์มีเดียว
การมีมือข้างที่สองช่วยประคองเป็นการล็อคหน้าไม้ไว้
ทำให้ไม่สามารถตีลูกวอลเลย์และลูกสไลด์ได้
การเลือกจับด้านกริพ
ให้คำนึงถึงธรรมชาติในตัวคุณ(คุณเป็นผู้รู้ตัวดีที่สุด)
หาด้านกริพที่ทำให้คุณรู้สึกสบายและเข้ากับตัวคุณมากที่สุดเวลาเล่น นั่นแหละคือกริพของคุณ
ประเภทการตีลูกเทนนิส แบ่งออกเป็น
8 ชนิด หลักๆ ดังนี้
การตีลูกโฟรแฮนด์ (Forehand Shot)
การตีลูกแบคแฮนด์ (Backhand Shot)
การเสิร์ฟ (Tennis Serve)
การตีลูกวอลเล่ย์ (Volleying)
การตีลูกแบบ Smash
การตีลูกแบบ Lob
การตี Drop shot
Hit it Through your legs(การตีลอดหว่างขา)
การมีทักษะในการตีลูกแต่ละประเภท
จะทำให้ผู้เล่นเทนนิสมีความคล่องตัว และมีความหลากหลายในการเล่นทั้งการรุกและรับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น